ดะโต๊ะยุติธรรม
 เข้าสู่ระบบ - สมัครสมาชิก    |  
 
   Main webboard   »   บทความ
 ย้อนกลับ  |  ตั้งกระทู้ใหม่  
Started by
Topic:   การวิวัฒนาการของวิชาสูตินารีเวช  (Read: 22898 times - Reply: 1 comments)   
romly (Admin)

Posts: 4 topics
Joined: 19/2/2552

การวิวัฒนาการของวิชาสูตินารีเวช
« Thread Started on 2/3/2552 9:25:00 IP : 118.173.207.187 »
 

ด้วยพระนามของอัลลลอฮ ผู้ทรงกรุณาปราณีและผู้ทรงเมตตายิ่ง


(1)     พระองค์อัลลอฮ(ซ.บ)ได้ทรงตรัสว่า

        ความว่า (เขามิได้หรือว่า) พระองค์อัลลลฮได้ทรงบังเกิดเขามาาจากสิ่งใด ?

                ท่านจะพบในตัวบทของโองการ (อายะฮ) ที่ประเสริฐนี้ปรากฏขึ้นในลักษณะเชิงคำถามเชิงพื้นฐานเกี่ยวกับวิชาชีววิทยาและนับว่าเป็นสิ่งที่ยาก ในการที่จะรู้ถึงการกำเนิดของมนุษย์ ซึ่งเราสามารถรู้ได้จากหลักฐาน ส่วนหนึ่งได้จากการบันทึกมางวิชาการของชนยุคก่อนมาหลายสมัย

                จากการพยายามค้นคว้าของเรา จนกระทั่งได้ผลสรุปบางส่วนจากประวัติของวิชาสูตินารีเวชขันพื้นฐาน และการรวบรวมข้อมูลของนักวิจัยที่เข้าร่วมสัมนาครั้งนี้ (ณ.กรุงอิสลามาบัด)[1]  การสัมนาคครังนี้ทำให้เราได้ทราบถึงหัสข้อสำคัญๆหลายอย่างที่ชี้ให้เห็นถึงความสอดคล้องตรงกับโองการในพระมหาคัมภีค์อัลกุรอ่านและอัลฮาดีษของท่านรอซูล(ซ.ล)

                ประวัติศาสตร์ความเป็นมาของวิชาสูตินารีเวชขั้นพื้นฐานจะมีความสัมพันธ์กับวิชาอื่นๆ และตราบใดที่วิชาสูตินารีเวชมีการพัฒนาก็สามารถคลายปัญหาเกี่ยวกับความคิดที่ไม่ถูกต้องในการดำเนินชีวิต ซึ่งเราสามารถรู้ได้จากการพัฒนาแนวความคิดของนักววิเคราะห์

                แท้จริงแล้วชาวโลกได้รับรู้ความจริงในเรื่องนี้เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา ในขณะที่นักวิเคราะห์สมัยก่อนได้เพียงแค่ตั้งสมมุติฐานเท่านั้น

(2)   ลำดับการวิวัฒนาการทางประวัติศาสตร์

เราสามารถแบ่งประวัติความเป็นมาของวิชาสูตินารีเวชเป็น    3      ยุคด้วยกัน  คือ

ก.      ยุคการอธิบายคุณลักษณะ

ยุคแรกนี้เราสามารถเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า  สูตินารีเวชทางคุณลักษณะ และเมื่อเราย้อนปประวัติศาสตร์เมื่อ 6 ศตวรรษก่อนคริสต์ศักราชจนกระทั่งถึงศตวรรษที่ 19  และแล้วในช่วงนี้ก็สิ้นสุดการเรียนรู้ด้วยการจำแนกคุณลักษณะการพัฒนาการของทารก และได้ผลสรุปพอสังเขป

                เมื่อเราได้พิจารณาการบันทึกประวัติศาสตร์บางส่วนของกษัตริย์ฟาโรฮ์ที่ 4 ,5 และ 6 ในยุคอียิปโบราณจะพบว่าไม่น้อยกว่า 10 คน ต่างก็ใช้เครื่องหมายภาพวาดในลักษณะเดียวกันดังภาพ (1-1) ใช้นำหน้าที่ประทับของฟาโรฮ์ โดยเชื่อกันว่าเครื่องหมายดังกล่าวมีผลทางไสยศาสตร์อย่างลึกๆ และความเชื่อดังกล่าวยังคงมีอยู่จนกระทั่งสมัยกรีกโบราณ (หลังจากพวกกรีกเข้ายึดครองอียิปต์)และได้ใช้ความเชื่อดังกล่าวมาผสมผสานกับหลักวิชาการในยุคนั้น

                เราได้พบลักษณะสำนวนที่บ่งบอกถึงวิธีป้องกันการตั้งครรภ์ ซึ่งเขียนเป็นภาษาอียิปต์โบราณ (??????) ซึ่งเป็นภาษาอียิปต์โบราณก่อนจาก    ????????????       บนกระดาษใบอ้อ  เมื่อ 1800 ถึง 2000 ปีก่อนคริสต์ศักราช

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

รูปที่  (1-1)      Kleiss 1964

 

กระดาษดังกล่าวจะใช้เป็นส่วนประกอบสำคัญในการป้องกันการตั้งครรภ์ โดยจะผสมเข้ากับอุจระจรเข้และส่วนประกอบอื่นๆ

สำหรับชาวกรีกโบราณ พวกเขาเป็นชนกลุ่มแรกที่รู้จักใช้ความรู้ด้านสูตินารีเวช ด้วยความลึกล้ำทางสำนวนโวหารของพวกเขา พวกเขาไม่ต้องใช้พลังไสยศาสตร์ที่ลึกล้ำเข้ามาเกี่ยวข้องเลย ถึงแม้ว่าสำนวนโวหารไม่ไช่หลักฐานที่สามารถยืนยันความถูกต้องเสมอไป  แม้กระทั่งปัจจุบันบางครั้งการหาผลสรุปเกี่ยวกับการทดลองของเราก็อางไม่ตรงกับความเป็นจริง  นั่นคือตัวแปรสำคัญที่ทำให้เกิดการเปลลี่ยนแปลงทางด้านความคิดอยู่เสมอ

แท้จริงแล้วบรรดหนังสือต่างๆงของอริสโตเติลและยาลีโนสได้ถูกเก็บไว้เป็นจำนวนมาก ตั้งแต่ช่วงแรกๆของประวัติศาสตร์(โดยเฉพาะหนังสือที่เคยมีผลต่อความคิดของชาวโลกในยุคนั้น) และวิชาสูตินารีเวชเป็นวิชาเดียวที่ถูกบันทึกในประวัติศาสตร์ตั้งแต่ 200 ปีหลังจากคริสต์ศักราชจนกระทั่งศตวรรษที่ 16  ดังนั้นเราจะเห็นได้ว่าหากไม่มีตำราของบรรดานักวิชาการมุสลิมหนังสือต่างๆที่ได้แต่งขึ้นเกี่ยวกับสูติเวชตามแบบฉบับตะวันตก(ชาวกรีก)จะต้องมีส่วนขาดหายอีกมาก

การค้นคว้าททางด้านสูติเวชได้ขยายอย่างกว้างขวางในศตวรรษที่ 16 โดยเฉพาะช่วงสองศตวรรษๆที่ 17 และ 18 หลังจากนั้นงานวิจัยก็เรียบง่ายขึ้นในสมัยของไฟซาลียุส (????????) ,ไฟรีซียูส ( ????????) และฮารีฟี (?????) เนื่องจากได้ค้นพบกล้องจุลทัศน์และสามารถวิจัยตัวอสุจิ ด้วยเหตุนี้ทำให้ทัศนะและทษฤีต่างๆก้ยิ่งแพร่หลายอย่างกว้างขวาง และผลปรากฎว่าองค์ประกอบในการกำเนิดทารกขั้นตอนแรกนั้นเกิดจากการปฏิสนธิของอสุจิกับไข่ ซึ่งในสมัยนั้นชาวโลกเชื่อกันว่าทารกเกิดจากไข่อย่างเดียว และนักวิชาการอีกกลุ่มหนึ่งเชื่อกันว่าทารกเกิดจากอสุจิของเพศชายเท่านั้น ด้วยเหตหุนี้ทำให้เกิดการวิภาควิจารณ์กันเรื่อยมา เรากลับไปดูบทสรุปบางประการที่ปรากฏในยุคนั้น

1. จากรูปวาดที่ (1-2) ในหนังสืออัล-กอบาละฮ (???????) ช่วงศตวรรษที่ 16ได้อธิบายบางส่วนเกี่ยวกับการเจริญเติบโตของทารกที่เกิดจากก้อนเลือด ซึ่งเป็นการเข้าใจที่ผิดมหัน ต่อมาหลังจากระยะเวลาผ่านไปหลายศตวรรษอริสโตเติลได้กล่าวว่า แท้จริงทารกนั้นได้เกิดจากเลือดประจำเดือนของผู้หญิง

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ภาพ (1-2) ภาพวาดจากหนังสือของชาโคป รอยฟ  1554 อธิบายถึงก้อนเลือดหรือเม็ดเลือดในครรภ์ตรงกับทษฤีของอริสโตเติล (Permission from De Conceptus et Generation Haminis)

(Permission Needham 1959)

 

 

                ในระหว่างที่ความคิดนี้ได้ถูกแพร่หลายในหมู่นักวิชาการแพทย์ โดยพวกเขาได้ยืนยันผลการวิจัยดังกล่าวด้วยกล้องจุลทัศน์ ปรากฏว่านักวิชาการอิสลามปฏิเสธผลการวิจัย(ทารกเกิดจากเลือดประจำเดือน) โดยอ้างถึงหลักฐานจากพระมหาคำภีร์อัลกุรอ่านที่ว่า

??? ?? ???? ?? ??? ????

ความว่า “”

และหลักฐานจากอัล-หะดีษอีกมากมาย[2] ที่กล่าวเกี่วยกับการเกิดของทารก  จากหลักฐานนี้ชี้ให้เห็นอย่างชัดเจนถึงความก้าวหน้าของอัล-กุรอ่านและอัล-หะดีษของท่านรอซู้ล (ซ.ล) ที่นักวิจัยในสมัยนั้นยังก้าวไม่ถึง

                ต่อมาไฟรีสยูส (?????????)ได้ค้นคว้าเกี่ยวกับการเจริญเติบโตของลูกไก่ในฟองไฟไข่ดังรูป (1-3) และต่อมาวิลเลี่ยม ฮารีฟี ซึ่งเป็นลูกศิษย์คนหนึ่งของไฟรีสยูสที่มีชื่อเสียงมากก็ได้เสนอผลงานเกี่ยวกับการหมุนเวียนของเลือดและหลังจากนั้นไม่นานนักปี ค.ศ. 1672 แมกเชลลู มาลบียีก็ได้เสนอภาพการแบ่งเซลล์แต่ขั้นของลูกไก่ในฟองไข่อย่างชัดเจน ดังรูป (1- 4)

                ในปัจจุบันจากทษฤีนี้ทำให้เรารู้ถึงการแบ่งเซลล์โครงสร้างส่วนใหญ่ของกระดูกและกล้ามเนื้อในร่างกาย

 

 

 คุณคิดอย่างไรกับบทความนี้

 
   Link to Post - Back to Top

Bookmark and Share

กรุณาเข้าสู่ระบบหรือสมัครสมาชิกก่อนโพสข้อความค่ะ
»
คลิ๊กที่นี่
   Main webboard   »   บทความ
 ย้อนกลับ  |  ตั้งกระทู้ใหม่  
Advertising Zone    Close


Online: 1 Visits: 107,756 Today: 23 PageView/Month: 851

ด้วยความปราถนาดีจาก "สยามทูเว็บดอทคอม" และเพื่อป้องกันการเปิดเว็บไซต์เพื่อหลอกลวงขายของ โปรดตรวจสอบร้านค้าให้แน่ใจก่อนตัดสินใจซื้อของทุกครั้งนะคะ    อ่านเพิ่มเติม ...