ด้วยพระนามของอัลลลอฮ ผู้ทรงกรุณาปราณีและผู้ทรงเมตตายิ่ง
(1) พระองค์อัลลอฮ(ซ.บ)ได้ทรงตรัสว่า ความว่า (เขามิได้หรือว่า) พระองค์อัลลลฮได้ทรงบังเกิดเขามาาจากสิ่งใด ? ท่านจะพบในตัวบทของโองการ (อายะฮ) ที่ประเสริฐนี้ปรากฏขึ้นในลักษณะเชิงคำถามเชิงพื้นฐานเกี่ยวกับวิชาชีววิทยาและนับว่าเป็นสิ่งที่ยาก ในการที่จะรู้ถึงการกำเนิดของมนุษย์ ซึ่งเราสามารถรู้ได้จากหลักฐาน ส่วนหนึ่งได้จากการบันทึกมางวิชาการของชนยุคก่อนมาหลายสมัย จากการพยายามค้นคว้าของเรา จนกระทั่งได้ผลสรุปบางส่วนจากประวัติของวิชาสูตินารีเวชขันพื้นฐาน และการรวบรวมข้อมูลของนักวิจัยที่เข้าร่วมสัมนาครั้งนี้ (ณ.กรุงอิสลามาบัด) การสัมนาคครังนี้ทำให้เราได้ทราบถึงหัสข้อสำคัญๆหลายอย่างที่ชี้ให้เห็นถึงความสอดคล้องตรงกับโองการในพระมหาคัมภีค์อัลกุรอ่านและอัลฮาดีษของท่านรอซูล(ซ.ล) ประวัติศาสตร์ความเป็นมาของวิชาสูตินารีเวชขั้นพื้นฐานจะมีความสัมพันธ์กับวิชาอื่นๆ และตราบใดที่วิชาสูตินารีเวชมีการพัฒนาก็สามารถคลายปัญหาเกี่ยวกับความคิดที่ไม่ถูกต้องในการดำเนินชีวิต ซึ่งเราสามารถรู้ได้จากการพัฒนาแนวความคิดของนักววิเคราะห์ แท้จริงแล้วชาวโลกได้รับรู้ความจริงในเรื่องนี้เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา ในขณะที่นักวิเคราะห์สมัยก่อนได้เพียงแค่ตั้งสมมุติฐานเท่านั้น (2) ลำดับการวิวัฒนาการทางประวัติศาสตร์ เราสามารถแบ่งประวัติความเป็นมาของวิชาสูตินารีเวชเป็น 3 ยุคด้วยกัน คือ ก. ยุคการอธิบายคุณลักษณะ ยุคแรกนี้เราสามารถเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า “สูตินารีเวชทางคุณลักษณะ” และเมื่อเราย้อนปประวัติศาสตร์เมื่อ 6 ศตวรรษก่อนคริสต์ศักราชจนกระทั่งถึงศตวรรษที่ 19 และแล้วในช่วงนี้ก็สิ้นสุดการเรียนรู้ด้วยการจำแนกคุณลักษณะการพัฒนาการของทารก และได้ผลสรุปพอสังเขป เมื่อเราได้พิจารณาการบันทึกประวัติศาสตร์บางส่วนของกษัตริย์ฟาโรฮ์ที่ 4 ,5 และ 6 ในยุคอียิปโบราณจะพบว่าไม่น้อยกว่า 10 คน ต่างก็ใช้เครื่องหมายภาพวาดในลักษณะเดียวกันดังภาพ (1-1) ใช้นำหน้าที่ประทับของฟาโรฮ์ โดยเชื่อกันว่าเครื่องหมายดังกล่าวมีผลทางไสยศาสตร์อย่างลึกๆ และความเชื่อดังกล่าวยังคงมีอยู่จนกระทั่งสมัยกรีกโบราณ (หลังจากพวกกรีกเข้ายึดครองอียิปต์)และได้ใช้ความเชื่อดังกล่าวมาผสมผสานกับหลักวิชาการในยุคนั้น เราได้พบลักษณะสำนวนที่บ่งบอกถึงวิธีป้องกันการตั้งครรภ์ ซึ่งเขียนเป็นภาษาอียิปต์โบราณ (??????) ซึ่งเป็นภาษาอียิปต์โบราณก่อนจาก ???????????? บนกระดาษใบอ้อ เมื่อ 1800 ถึง 2000 ปีก่อนคริสต์ศักราช รูปที่ (1-1) Kleiss 1964 กระดาษดังกล่าวจะใช้เป็นส่วนประกอบสำคัญในการป้องกันการตั้งครรภ์ โดยจะผสมเข้ากับอุจระจรเข้และส่วนประกอบอื่นๆ สำหรับชาวกรีกโบราณ พวกเขาเป็นชนกลุ่มแรกที่รู้จักใช้ความรู้ด้านสูตินารีเวช ด้วยความลึกล้ำทางสำนวนโวหารของพวกเขา พวกเขาไม่ต้องใช้พลังไสยศาสตร์ที่ลึกล้ำเข้ามาเกี่ยวข้องเลย ถึงแม้ว่าสำนวนโวหารไม่ไช่หลักฐานที่สามารถยืนยันความถูกต้องเสมอไป แม้กระทั่งปัจจุบันบางครั้งการหาผลสรุปเกี่ยวกับการทดลองของเราก็อางไม่ตรงกับความเป็นจริง นั่นคือตัวแปรสำคัญที่ทำให้เกิดการเปลลี่ยนแปลงทางด้านความคิดอยู่เสมอ แท้จริงแล้วบรรดหนังสือต่างๆงของอริสโตเติลและยาลีโนสได้ถูกเก็บไว้เป็นจำนวนมาก ตั้งแต่ช่วงแรกๆของประวัติศาสตร์(โดยเฉพาะหนังสือที่เคยมีผลต่อความคิดของชาวโลกในยุคนั้น) และวิชาสูตินารีเวชเป็นวิชาเดียวที่ถูกบันทึกในประวัติศาสตร์ตั้งแต่ 200 ปีหลังจากคริสต์ศักราชจนกระทั่งศตวรรษที่ 16 ดังนั้นเราจะเห็นได้ว่าหากไม่มีตำราของบรรดานักวิชาการมุสลิมหนังสือต่างๆที่ได้แต่งขึ้นเกี่ยวกับสูติเวชตามแบบฉบับตะวันตก(ชาวกรีก)จะต้องมีส่วนขาดหายอีกมาก การค้นคว้าททางด้านสูติเวชได้ขยายอย่างกว้างขวางในศตวรรษที่ 16 โดยเฉพาะช่วงสองศตวรรษๆที่ 17 และ 18 หลังจากนั้นงานวิจัยก็เรียบง่ายขึ้นในสมัยของไฟซาลียุส (????????) ,ไฟรีซียูส ( ????????) และฮารีฟี (?????) เนื่องจากได้ค้นพบกล้องจุลทัศน์และสามารถวิจัยตัวอสุจิ ด้วยเหตุนี้ทำให้ทัศนะและทษฤีต่างๆก้ยิ่งแพร่หลายอย่างกว้างขวาง และผลปรากฎว่าองค์ประกอบในการกำเนิดทารกขั้นตอนแรกนั้นเกิดจากการปฏิสนธิของอสุจิกับไข่ ซึ่งในสมัยนั้นชาวโลกเชื่อกันว่าทารกเกิดจากไข่อย่างเดียว และนักวิชาการอีกกลุ่มหนึ่งเชื่อกันว่าทารกเกิดจากอสุจิของเพศชายเท่านั้น ด้วยเหตหุนี้ทำให้เกิดการวิภาควิจารณ์กันเรื่อยมา เรากลับไปดูบทสรุปบางประการที่ปรากฏในยุคนั้น 1. จากรูปวาดที่ (1-2) ในหนังสืออัล-กอบาละฮ (???????) ช่วงศตวรรษที่ 16ได้อธิบายบางส่วนเกี่ยวกับการเจริญเติบโตของทารกที่เกิดจากก้อนเลือด ซึ่งเป็นการเข้าใจที่ผิดมหัน ต่อมาหลังจากระยะเวลาผ่านไปหลายศตวรรษอริสโตเติลได้กล่าวว่า “แท้จริงทารกนั้นได้เกิดจากเลือดประจำเดือนของผู้หญิง ภาพ (1-2) ภาพวาดจากหนังสือของชาโคป รอยฟ 1554 อธิบายถึงก้อนเลือดหรือเม็ดเลือดในครรภ์ตรงกับทษฤีของอริสโตเติล (Permission from De Conceptus et Generation Haminis) (Permission Needham 1959) ในระหว่างที่ความคิดนี้ได้ถูกแพร่หลายในหมู่นักวิชาการแพทย์ โดยพวกเขาได้ยืนยันผลการวิจัยดังกล่าวด้วยกล้องจุลทัศน์ ปรากฏว่านักวิชาการอิสลามปฏิเสธผลการวิจัย(ทารกเกิดจากเลือดประจำเดือน) โดยอ้างถึงหลักฐานจากพระมหาคำภีร์อัลกุรอ่านที่ว่า ??? ?? ???? ?? ??? ???? ความว่า “” และหลักฐานจากอัล-หะดีษอีกมากมาย ที่กล่าวเกี่วยกับการเกิดของทารก จากหลักฐานนี้ชี้ให้เห็นอย่างชัดเจนถึงความก้าวหน้าของอัล-กุรอ่านและอัล-หะดีษของท่านรอซู้ล (ซ.ล) ที่นักวิจัยในสมัยนั้นยังก้าวไม่ถึง ต่อมาไฟรีสยูส (?????????)ได้ค้นคว้าเกี่ยวกับการเจริญเติบโตของลูกไก่ในฟองไฟไข่ดังรูป (1-3) และต่อมาวิลเลี่ยม ฮารีฟี ซึ่งเป็นลูกศิษย์คนหนึ่งของไฟรีสยูสที่มีชื่อเสียงมากก็ได้เสนอผลงานเกี่ยวกับการหมุนเวียนของเลือดและหลังจากนั้นไม่นานนักปี ค.ศ. 1672 แมกเชลลู มาลบียีก็ได้เสนอภาพการแบ่งเซลล์แต่ขั้นของลูกไก่ในฟองไข่อย่างชัดเจน ดังรูป (1- 4) ในปัจจุบันจากทษฤีนี้ทำให้เรารู้ถึงการแบ่งเซลล์โครงสร้างส่วนใหญ่ของกระดูกและกล้ามเนื้อในร่างกาย คุณคิดอย่างไรกับบทความนี้ |